วันอังคารที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2551

zwani.com myspace graphic comments
Thanks for the Add Graphic Comments
บ่าย วันหนึ่งของปลายเดือนเมษายน เรานั่งอยู่หน้าโน๊ตบุคประจำตัว หน้าจอเต็มไปด้วยข้อความ ที่เมลล์มาจากลูกค้า กล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้น คำต่อว่า คำเร่งเร้าต่างๆ...

เรารู้สึกถึง ความกดดันและความเครียดที่ไต่ระดับขึ้นมาเรื่อยๆ จนเราต้องหลับตาลง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมา

นึกย้อนไปเมื่อ 7 เดือนที่แล้ว เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2007 เรานั่งอยู่ในห้องประชุมของบริษัทตลาดดอทคอมเพื่อสัมภาษณ์งาน ในห้องนั้นมีผู้ชาย 2 คน ผู้หญิง 1 คน(ซึ่งต่อมาได้มาเป็นหัวหน้า และ เพื่อนร่วมงานของเรา) จ้องมาทางเราเพื่อรอฟังคำตอบ หลังจากที่ได้ถามขึ้นมาว่า

"โปรเจค ที่คุณเคยทำมา คุณชอบโปรเจคไหนมากที่สุด"
เราคิดอยู่เพียงวินาทีเดียวก่อนจะตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้ม ว่า
"ชอบทุกโปรเจคเลยค่ะ มันสนุกนะคะ"

มาถึงวันนี้ เราต้องถามตัวเองอีกครั้ง ว่ายังสนุกกับงานอยู่หรือเปล่า?? เมื่อสิ่งต่างๆ ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดหวังไว้ เมื่อมีปัญหาประดังประเดเข้ามา ซึ่งปัญหาบางอย่าง เราไม่สามารถเข้าไปควบคุมหรือทำอะไรได้ เราเจอก้อนหิน..ที่ทำให้สะดุด และ ต้องหยุดอยู่กับที่

ในวัยเด็ก เราเล่น เพราะความสนุก อยากรู้อยากเห็น ความท้าทาย พอเติบโตขึ้น เราทำงาน แน่นอนส่วนหนึ่งก็เพราะเงิน แต่อีกส่วนหนึ่งก็เพราะความสนุก อยากรู้อยากเห็น ความท้าทายเช่นเดียวกัน การเล่นกับการทำงานต่างกันนิดเดียว ตรงที่ เราเลิกเล่นได้เลยเมื่อเราเบื่อที่ไม่สามารถเอาชนะได้สักที แต่ การทำงาน เราพักได้ แต่เลิกกลางคันไม่ได้ เพราะ คำๆหนึ่ง..ที่สำหรับคนที่ไม่ใช่เด็กแล้ว ต้องมี คือคำว่า "ความรับผิดชอบ"

เราเชื่อว่า คนทำงานทุกคนมีความรับผิดชอบ รักงาน อยากให้งานออกมาดี เพียงแต่ว่าชีวิตมันซับซ้อนและไม่ง่ายดายค่ะ เหมือนเราในวันนั้น ที่ต้องมานั่งสงสัยว่า ความสนุกในการทำงานที่เราเคยมี มันหนีหน้าไปอยู่ที่ไหนนะ..

ขณะที่เรานั่งจ้องข้อความบนหน้าจอ ด้วยสมองที่ว่างเปล่า ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อดี ก็มีเสียงจาก msn เพื่อน..ที่รู้จักผ่านโลกออนไลน์ โดยที่ไม่เคยเจอกันสักครั้ง ส่งข้อความทักทายเข้ามา

S : สวัสดีครับ งานยุ่งหรือเปล่า
ปูเสฉวน : อืมม..นิดหน่อยค่ะ
ปูเสฉวน : เธอ..เราจะทำงัยดี
ปูเสฉวน : ไฟมอดอ่ะ
S : ไฟอะไรมอดครับ อยากรู้
ปูเสฉวน : เอ๊ะ ก็ไฟทำงานน่ะสิ จะไฟอะไรได้ล่ะเธอนี่..

S : อ้าว ทำไม เซ็งเหรอ งานน่าเบื่อเหรอ ห้าม...มอด นะ ท่องไว้
ปูเสฉวน : อืมม เราพยายามจุดไฟอยู่เนี่ย เชื้อเพลิงก็ไม่มี น้ำมันก็แพง
S : ออกไปเดินเล่นสักพัก หรือ งีบสักแป๊บก็ได้ แล้วค่อยกลับมาลุยต่อ
ปูเสฉวน : ขอบจาย..ที่แนะนำนะ
ปูเสฉวน : เราเซ็งๆ งานน่ะ ไม่เป็นไปตามหวัง คือเรามี plan ของเรานะ แต่คนอื่นทำให้เราไม่ได้น่ะ ลูกค้าก็ต่อว่ามา โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง
ปูเสฉวน : เราก็ทำอะไรไม่ได้ เลยเซ็งอ่ะ
S : งาน เป็นอย่างนี้ทั้งชีวิตครับ เลือกทางเดินแล้วนี่ ไม่ได้ตามคิดตลอดหรอกครับ
S : ทีมต้องเป็นทีม อย่าแตกทีม
S : มองโลกในแง่ดี นึกซะว่า เป็นการ ทำงานให้ช้าลง เพื่อจะได้ เป็นผลดี ได้มีเวลามาพิจารณาปัญหาจริงๆ ว่ามันอยู่ตรงไหน เราจะช่วยทีมแก้ไขอย่างไร

S : อย่าไปยึดติดกับคนมากครับ เราจะเป็นทุกข์ ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เพราะเรารับผิดชอบหน้าที่ของเราอยู่ เหมือนรถยนต์ ลูกล้อ ไม่ต้องไปเซ็ง พวงมาลัยที่บังคับไม่ดี ลูกล้อมีหน้าที่หมุนอย่างเดียว เจ้าของรถเขารู้เองว่า อะไหล่ส่วนไหนควรเปลี่ยนครับ เขาไม่เหมาขายทิ้งทั้งคันหรอก

ปูเสฉวน : อื้มหืม ปรัชญาเชียว ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะพูดเป็น
S : ก็จริงมั้ยล่ะครับ คุณลองคิดดู

..........

จริงค่ะ พวกเราคือส่วนหนึ่งของรถยนต์
ความสนุกของลูกล้อคือการได้หมุนๆๆๆ
ความสนุกของพวงมาลัย คือการได้ควบคุมทิศทาง
ความสนุกของคันเร่ง คือ การเพิ่มความเร็ว
ความสนุกของเบรก คือ การหยุดเมื่อควรจะต้องหยุด
แม้แต่ชิ้นส่วนเล็กๆอย่างแตรรถยนต์ ก็รู้สึกสุขใจที่ได้ทำงาน โดยการส่งเสียงออกมา...

คนทำงานทุกคนมีคุณค่าต่องานที่ตัวเองทำนะคะ เราอาจจะต้องพักบ้างเมื่อเราเหนื่อย เราท้อ เหมือนรถยนต์ที่หมดน้ำมัน ต่อเมื่อเรากลับมามีแรงแล้ว ก็ต้องกระโดดลงสนาม ว่ากันต่อไป

ความสนุกในการทำงาน ก็คือ การที่เราได้ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดค่ะ มองปัญหาเป็นสิ่งท้าทายให้หาวิธีแก้ มองความผิดพลาดเป็นบทเรียน สิ่งสำคัญที่ควรระลึกไว้คือ เราไม่ได้ทำงานคนเดียวนะคะ...ลองพยายามสื่อสารกับคนรอบข้าง เพื่อช่วยกันประคับประคองรถคันนี้ให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้

ในอีกด้านหนึ่ง เรารู้สึกขอบคุณมิตรภาพและข้อความจากเพื่อนในโลกออนไลน์ ที่หยิบยื่นกำลังใจมาได้ถูกคน ถูกเวลา เราเองก็หวังว่า บทความนี้จะนำกำลังใจไปสู่เพื่อนๆ คนทำงานทุกคนนะคะ
??? Post A Comment!

วันพุธที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2551


พระเจ้าได้สร้างมนุษย์เมื่อหลายร้อยปีขึ้นมา

พระเจ้าได้ทรงประทานน้ำตาให้มนุษย์

เพื่อให้มนุษย์หลั่งออกมาเมื่อมีความสุข ดีใจ

แต่มนุษย์กลับทำผิดโดยการหลั่งน้ำตาให้ความเสียใจ

พระเจ้าจึงประทานสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งให้มนุษย์

เพื่อคอยลบล้างน้ำตาของมนุษย์ให้หายไป

สิ่งที่พระเจ้าได้มอบให้มนุษย์ก้อคือ "รอยยิ้ม"

พระเจ้าทรงตรัสกับมนุษย์ผู้นั้นว่า

"เมื่อเวลาใดที่เจ้าร้องให้ เจ้าจงใช้รอยยิ้มนี้เพื่อลบรอยน้ำตาของเจ้าออกไป"

เมื่อมนุษย์ผู้นั้นรับรอยยิ้มจากพระเจ้ามาแล้ว มนุษย์นำมันมาใช้เมื่อต้องประสบพบเจอกับน้ำตา

ความทุกข์ เศร้า เสียใจ ได้เป็นอย่างดี จนมนุษย์ผู้นั้นพบเจอแต่ความสุข

คุณลองคิดดูซิว่าคุณนะเสียน้ำตาไปเพราะความสุขหรือความทุกข์กันแน่

ถ้าคุณเสียมันไปด้วยความทุกข์ คุณลองแสวงหารอยยิ้มจากคนข้าง ๆ ของคุณดูซิ

คุณจะลืมเรื่องที่ทำให้คุณหลั่งน้ำตานั้นได้ แม้มันจะต้องใช้เวลานานก้อเถอะ

แต่รับลองว่าเมื่อคุณยิ้มคุณจะลืมเรื่องเศร้า ๆ ไปเลย

ลองมายิ้มกันนะ เอ้า......ยิ้ม ^O^

zwani.com myspace graphic comments
Myspace Disney Comments

วิชาเ่ทคโนโลยีเำพื่อการสื่อสาร

1.ได้เรียนรู้การทำบล็อคที่สวยงาม
2.ได้เรียนรู้การใช้คอมพิวเตอร์เพิ่มมากขึ้น
3.รู้ถึงความสำคัญของคอมพิวเตอร์

zwani.com myspace graphic comments
Myspace Italian Graphics

วิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร

1.ได้เรียนรู้การฝึกฟัง พูด อ่าน เขียน ได้ถูกต้อง
2.ได้รู้จักการเขียนไวยกรณ์ที่ถูกหลักการณ์
3.ได้รู้จักภาษาอังกฤเพิ่มมากขึ้น
4.ได้่เรียนรู้การใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประำจำวัน

zwani.com myspace graphic comments
Graphics for I Love You Comments

วิชาภาษาไทยเำพื่อการสื่อสาร


1.ได้เีรียนรู้การฝึกการอ่าน เขียน พูด ฟัง
2.ได้่สัมผัสภาษาไทยอย่างแท้จริง
3.ได้เรียนรู้ในการเ่ล่นคำของภาษาไทย
4.ได้รู้จักการเขียนภาษาไทยที่ถูกต้อง